สุขภาพ

  • อาการปวดฟัน
    สุขภาพ

    วิธีบรรเกาอาการปวดฟัน หากไม่มีเวลาไปพบแพทย์

    การปวดฟันอาจมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุ เช่น น้ำรัดในฟัน เนื้อเยื่อที่อักเสบ การเจ็บป่วยของเหลืองฟัน หรือการมีฟันผุ อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาที่ต้องการการรักษา การพบแพทย์มักจะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยที่แน่ชัดและการรักษาที่เหมาะสมกับสาเหตุของอาการได้ดีที่สุด ดังนั้น ถ้าคุณมีอาการปวดฟันที่รุนแรงหรือยานพาหนะที่ไม่สามารถทนได้ ควรพบแพทย์หรือนัดหมายที่ทันที เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ การบรรเกาอาการปวดฟันชั่วคราวในกรณีที่ไม่สามารถไปพบแพทย์ได้ อาจใช้วิธี ดังนี้ ใช้ยาแก้ปวด : คุณสามารถใช้ยาแก้ปวดที่ขายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน เพื่อช่วยลดอาการปวดได้ชั่วคราว อย่าลืมอ่านคำแนะนำการใช้ยาและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุให้ การใช้เทคนิครักษาด้วยความหนาแน่น : ในบางกรณี การใช้สิ่งที่มีความหนาแน่นสูง เช่น น้ำยาละลายเกลือเพื่อเช็ดเย็นบริเวณปวดฟัน หรือการใช้เส้นไหมเพื่อตรงต่อปวดฟันอาจช่วยลดอาการได้ชั่วคราว การใช้เทคนิคร้อยกล้อง : การใช้กระเป๋าแช่น้ำอุ่นสำหรับร้อยกล้องช่วยลดอาการปวดฟันได้ โดยเพื่อนำกระเป๋าแช่น้ำอุ่นไปวางที่ดวงตาเพื่อช่วยปรับความเข้มข้นของเลือดในเนื้อเยื่อปากและหยดน้ำยาละลายเกลือเพื่อเช็ดบริเวณที่ปวด การใช้สมุนไพร : มีสมุนไพรบางชนิดที่อาจช่วยลดอาการปวดฟันได้ เช่น การเจลล้ำปากด้วยน้ำส้มควันไม้หรือน้ำเปล่าควันไม้ หรือการเช็ดด้วยน้ำตาลทรายผสมน้ำ อย่างไรก็ตาม ควรใช้สมุนไพรโดยระมัดระวังและตรวจสอบความปลอดภัยก่อนใช้ การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นสาเหตุ : หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวหรือหวานมาก เพราะอาจทำให้เพิ่มอาการปวดฟันได้ อย่างไรก็ตาม การปวดฟันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางด้านสุขภาพช่องปากที่ร้ายแรง ดังนั้นหากปวดฟันยังคงมีอยู่หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

    Comments Off on วิธีบรรเกาอาการปวดฟัน หากไม่มีเวลาไปพบแพทย์
  • ดูแลสุขภาพกายและใจแบบจัดเต็มด้วยวิธีที่ใช่เหมาะสำหรับวัยทำงาน
    สุขภาพ

    ดูแลสุขภาพกายและใจแบบจัดเต็มด้วยวิธีที่ใช่เหมาะสำหรับวัยทำงาน

    เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน จะสังเกตได้ว่าหลายคนมักมีความเครียดเพิ่มมากขึ้น ด้วยเนื้อหาของงานหรือสภาพแวดล้อมรอบตัวก็ตาม การดูแลสุขภาพกายและใจให้มีความแข็งแรงพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันจึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เช่นนั้นอย่ารอช้าไปพบกับวิธีที่ใช่สำหรับวัยทำงานและปรับชีวิตของคุณให้มีความสมดุลมากขึ้นกันเลย สำหรับใครที่อยากดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงขึ้นก็สามารถนำวิธีการที่หยิบมาแชร์ไปได้เลย ซึ่งทุกวิธีนั้นทุกคนสามารถที่จะทำได้จริง โดยนำไปปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพราะแต่ละคนก็มีความชอบและการจัดสรรเวลาที่ต่างกันออกไป เชื่อได้เลยว่าสุขภาพกายและใจที่ดีสามารถเป็นของทุกคนได้อย่างแน่นอน

    Comments Off on ดูแลสุขภาพกายและใจแบบจัดเต็มด้วยวิธีที่ใช่เหมาะสำหรับวัยทำงาน
  • อันตรายจากแสงแดด
    Uncategorized,  ทั่วไป,  สุขภาพ

    แดด กับ 8 ประโยชน์ต่อร่างกาย

    เราคงจะคุ้นชินกับอันตรายจากแสงแดดโดยเฉพาะการทำลายความงามทางผิวพรรณ และการก่อให้เกิดโรคร้ายที่ทำลายสุขภาพมากมาย และด้วยรูปแบบการทำงาน พฤติกรรมการใช้ชีวิต และค่านิยมผิดๆเรื่องสีผิวที่ต้องขาวใสทำให้คนไทยมองแสงแดดเป็นศัตรูร้ายกาจที่ต้องพากันหลีกเลี่ยง แต่ในอีกด้านหนึ่งการสัมผัสแสงแดดในเวลาที่เหมาะสม คือ แดดเช้าช่วงเวลาก่อน 9.00 น. และแดดบ่ายหลัง 16.00 น. เราสามารถรับประโยชน์จากแสงแดดได้อย่างเต็มที่เช่นกัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้รับวิตามินดีอย่างเต็มที่ รังสียูวีบีในแดดจะกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีใต้ผิวหนัง ซึ่งร่างกายควรมีวิตามินชนิดนี้ 30 ng/mL และไม่ต่ำกว่า 20 ng/mL(ขาดวิตามินดี) เราได้ประโยชน์จากแดดอย่างไรบ้าง มาดูกัน สดชื่น อารมณ์แจ่มใส ไม่เครียด เมื่อได้สัมผัสแดดอ่อนยามเช้า-เย็น พร้อมการออกกำลังกายจะทำให้เอ็นดอร์ฟินหลั่งเต็มที่ ช่วยให้สดชื่น แจ่มใส แสงแดดยังช่วยกระตุ้นการสร้างสารเซโรโทนิน ที่ช่วยทำให้เราใจเย็น คลายเครียด ลงได้ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เพราะแดดช่วยทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการโรคซึมเศร้า คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักชอบเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องตามลำพัง ขาดการสัมผัสแสงแดดอย่างเหมาะสม การพาออกมาออกกำลังกายกลางแจ้งจะช่วยบรรเทาอาการได้มากและได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายในร่ม ช่วยสร้างภูมิต้านทาน โดยทำงานคู่กับเซลล์เม็ดเลือดขาว ส่งผลให้การตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายเป็นการสร้างภูมิทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ การสัมผัสแดดอ่อน มีส่วนช่วยป้องกัน เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น แต่หากแดดจัดเกินไปอาจนำสู่ปัญหามะเร็งโรคผิวหนังได้เช่นกัน ช่วยลดความอ้วน แดดช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยลดไขมันส่วนเกิน ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย จึงไม่แปลกว่าทำไมจึงถ่ายง่ายหลังออกกำลังกายกลางแจ้งตอนเช้า กระหายน้ำมากขึ้น การได้รับแสงแดดสร้างความร้อนให้เกิดขึ้นในร่างกาย ทำให้เกิดความกระหาย อยากดื่มน้ำเป็นการกระตุ้นให้ดื่มน้ำเปล่ามากขึ้นทางอ้อมด้วย ช่วยให้หลับสบาย เดินเล่น หรือออกกำลังกายเบาๆ รับแดดอ่อนช่วงเย็นช่วยสร้างฮอร์โมน เมลาโทนิน (Melatonin) ที่ผลิตตอนเราหลับ จะทำให้หลับสบายขึ้นน่าจะเป็นตัวช่วยของคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับได้ดี จัดเวลามาออกแดด อย่ารังเกียจแดดเพียงเพราะทำให้ผิวหมองคล้ำ หากเราสัมผัสแดดอย่างเข้าใจเราจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะแสงแดด คือ ตัวช่วยสร้างสุขภาพดีโดยธรรมชาติ

    Comments Off on แดด กับ 8 ประโยชน์ต่อร่างกาย
  • เคล็ดลับทำให้ผิวขาวใสง่ายๆ ด้วยสูตรธรรมชาติที่ปลอดภัย
    Blog,  สุขภาพ

    เคล็ดลับทำให้ผิวขาวใสง่ายๆ ด้วยสูตรธรรมชาติที่ปลอดภัย

    สาวๆหลายคนมักจะหลงใหลในผิวพรรณของตัวเอง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะใครๆก็อยากจะมีผิวพรรณที่ขาวแบบธรรมชาติ เพราะเป็นจุดเด่นของร่างกายและช่วยทำให้บุคลิกภาพดูดีขึ้นได้อีกด้วย ในยุคสมัยนี้หลายๆคนหันไปพึ่งหมอศัลยกรรมกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะได้ผลไวและไม่เจ็บตัวอย่างที่คิด แต่อย่างไรก็ตามสารเคมีที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติจะส่งผลเสียกับร่างกายคนเราได้เสมอ ต่อให้เป็นกลูต้าสูตรพิเศษ หรือวิตามินบำรุงผิวตามคลินิคต่างๆ ทุกคลินิคก็ต้องโฆษณาเกินความเป็นจริงอยู่แล้ว สังเกตได้จากการรีวิวผ่านโซเชียลต่างๆ บางคนก็มีผิวขาวใสขึ้นจริง บางคนก็ไม่ได้ขาวขึ้นหรืออาจจะไม่เห็นผลเลย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่ายกายคนเรา ดังนั้นจะดีกว่าไหมหากเราเลือกผิวขาวใสด้วยวิธีธรรมชาติ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาและเหนื่อยหน่อย แต่ได้ผิวธรรมชาติก็ถือว่าคุ้มเหมือนกัน ดั่งคำคมที่กล่าวว่า “อยากสวยต้องอดทน” วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับดีๆ ที่ทำให้ผิวขาวในแบบธรรมชาติ สูตรเร่งผิวขาวแบบธรรมชาติ สูตรที่ 1 : มะขาม + น้ำผึ้ง + นมสด เหมาะสำหรับคนที่อยากมีผิวกระจ่างใส ซึ่งจากการรีวิวจริงได้ผลมากกว่า 90% แต่ควรหมั่นทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน สูตรสครับผิวขาวถือว่าเป็นสูตรพื้นฐานของการสครับผิวเพื่อผิวขาวอันดับต้นๆที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเลยก็ว่าได้ ขั้นตอนการทำ : นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำอุ่น และทำการปั่นให้เหลือกากใยไว้ขัดผิวได้ และผสมน้ำผึ้งกับนมลงไป คนให้เข้ากัน และเมื่อขัดผิว แนะนำให้ขัดถูเป็นวงกลม พอกทิ้งไว้ 5-10 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที สูตรที่ 2 : ข้าวโอ๊ต + มะเขือเทศ + น้ำผึ้ง ช่วยผลัดเซลล์ผลิวเก่าออก ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสแบบอ่อนโยน เหมาะสำหรับคนที่ผิวแห้งกร้าน บอบบางแพ้ง่าย ถือว่าสูตรสครับผิวอันนี้ตอบโจทย์มากที่สุดๆ และควรทำอย่างต่ำอาทิตย์ละ 4 วันขึ้นไป เพราะสูตรไม่ได้ทำให้ผิวบาดเจ็บ สามารถถูทั่วตัวได้ ขั้นตอนการทำ : นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียด ไม่จำเป็นต้องเอาเม็ดออก แล้วแต่คนชอบ เสร็จแล้วนำไปผสมกับข้าวโอ๊ตและน้ำผึ้งคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นให้ขัดวนทั่วร่างกาย แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรที่ 3 : น้ำตาลทรายแดง + น้ำมะนาว + โยเกิร์ต เป็นสูตรใหม่ที่พึ่งคลอดมาหมาดๆ และเป็นที่นิยมในปัจจุบันมาก ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนก็เผยผิวกระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัด จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้ไวกว่าสูตรอื่นๆ และไม่บาดผิวอีกด้วย สูตรนี้ถ้าทำได้ทุกวันยิ่งดี เพราะส่วนผสมจะช่วยกันรักษาผิวให้ใสขาวนุ่มมากขึ้น ขั้นตอนการทำ : นำน้ำตาลทรายแดง + มะนาว และโยเกิร์ตผสมให้เข้ากัน จากนั้นค่อยสครับวนที่ผิวเป็นวงกลมอย่างเบามือ อย่าขัดเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดบาดแผลและแสบตามร่างกายได้ ถูค่อยๆจนน้ำตาลทรายแดงละลาย แล้วทิ้งไว้ประมาณ 7-10 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรสครับผิวที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้ สามารถหาได้จากตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือท้องตลาดทั่วไป ซึ่งก็เป็นสูตรที่สามารถรักษาผิวให้ขาวใสดั่งธรรมชาติได้ และเห็นผลไวอีกด้วย…

    Comments Off on เคล็ดลับทำให้ผิวขาวใสง่ายๆ ด้วยสูตรธรรมชาติที่ปลอดภัย
  • แนะนำ 3 เมนูอาหารคลีน ง่าย ๆ ฉบับคนไม่มีเวลา
    สุขภาพ

    แนะนำ 3 เมนูอาหารคลีน ง่าย ๆ ฉบับคนไม่มีเวลา

    จากสถานการณ์โรคระบาดและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยนอกจากการออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งคนรักสุขภาพส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกทานอาหารคลีนหรืออาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยทีสุด ไม่หวาน ไม่เค็ม ไม่มัน แต่อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ทำให้หลายคนไม่สามารถทานอาหารคลีนได้ทุกมื้อนั้น ก็เป็นเพราะไม่มีเวลาจัดเตรียม ส่วนจะซื้อจากร้านอาหารก็คงไม่ไหวเพราะราคาสูงกว่าอาหารตามสั่ง ดังนั้นเพื่อช่วยให้คนรักสุขภาพเตรียมอาหารคลีนทานเองได้ง่ายขึ้น วันนี้เราจึงมีเมนูอาหารคลีนง่าย ๆ มาฝาก แต่จะมีเมนูไหนน่าสนใจบ้างนั้น มาดูกันเลย 1.อาโวคาโดโทสต์โปะไข่สำหรับเมนูแรกเป็นเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ใช้เวลาทำไม่นานอย่าง ‘อาโวคาโดโทสต์โปะไข่’ เพียงแค่นำอาโวคาโดสุกมาปอกเปลือกและบดให้ละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย จากนั้นก็แค่ไปปิ้งขนมปังโฮลวีตหรือจะไม่ปิ้งก็ได้แล้วแต่คนชอบ นำอาโวคาโดที่ปรุงแล้วมาทาบนหน้าขนมปังปริมาณตามชอบ นำไข่ดาวที่ผ่านการทอดด้วยน้ำมันน้อยมาวางบนหน้าขนมปัง เพียงเท่านี้ก็ได้อาโวคาโดโทสต์โปะไข่ไว้ทานในมื้อเช้าแล้ว อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าควรเพิ่มสารอาหารและความสดชื่นด้วยผักสดก็จะทำให้เมนูนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น 2.ข้าวไก่ย่างซีอิ๊วเมนูต่อมาคือ ข้าวไก่ย่างซีอิ๊ว เมนูคลีนง่าย ๆ ที่เหมาะสำหรับทานเป็นมื้ออาหารกลางวัน ซึ่งวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเพียงแค่นำอกไก่ลอกหนังมาหั่นชิ้นพอดีคำมาหมักด้วยเครื่องปรุงโซเดียมต่ำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอยหอยนางรม หมักนานประมาณ 30 นาที หรือจะน้อยกว่านั้นก็แล้วความพอใจของแต่ละคน จากนั้นนำไปย่างในกระทะเทฟลอน พอเสร็จก็โรยด้วยต้นหอมปิดท้าย ก่อนทานคู่กับข้าวกล้องร้อน ๆ และผักสดแสนอร่อย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทั้งง่ายและครบถ้วนทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน 3.สลัดเห็ดย่างปิดท้ายกันด้วยเมนูอาหารเย็นมื้อเบา ๆ ที่ใครก็ทำได้กับเมนูสลัดเห็ด เพราะแค่ซอยเห็ดออรินจิมาบาง ๆ แล้วนำไปย่างในกระทะ เมื่อเสร็จแล้วเสิร์ฟพร้อมกับผักสลัด อย่างมะเขือเทศ เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค บัตเตอร์เฮด ผักกาดแก้ว ผักร็อคเก็ต หรือทานตะวันงอก สุดท้ายราดด้วยน้ำสลัดน้ำมันงาชี้อิ๊วญี่ปุ่น หรือจะเปลี่ยนเป็นน้ำสลัดอื่นตามใจชอบ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูสลัดเห็ดย่างไว้ทานเป็นมื้อเย็นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 3 เมนูอาหารคลีน ง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเองที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเมนูที่ทั้งง่าย ดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญอร่อยมาก รับประกันเลยว่าถูกใจคนรักสุขภาพแน่นอน

    Comments Off on แนะนำ 3 เมนูอาหารคลีน ง่าย ๆ ฉบับคนไม่มีเวลา
  • โรคมะเร็งตำแหน่งไหน ที่คนไทยเป็นกันมาก
    สุขภาพ

    โรคมะเร็งตำแหน่งไหน ที่คนไทยเป็นกันมาก

    โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่มีความน่ากลัวอย่างยิ่ง เนื่องจากหากเป็นระยะปลายจะรักษาได้ยาก มีโอกาสเสียชีวิตสูง และในระหว่างรักษาตัวยังมีค่าใช้จ่ายสูง และมีอาการข้างเคียงจากการรักษาได้มากมาย เราทุกคนจึงต้องหมั่นสังเกตและตรวจร่างกายเป็นประจำ หากพบความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น จะได้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที เรามาดูกันว่า คนไทยมีสถิติการเป็นมะเร็งที่ใดมากเป็นอันดับต้น ๆ บ้าง 1.มะเร็งเต้านมมะเร็งเต้านมสามารถเกิดได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีสถิติพบว่าผู้หญิง 1 ใน 8 คนจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมเมื่ออายุมากขึ้น หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจลุกลามไปอวัยวะส่วนอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลืองตำแหน่งใกล้เคียง ซึ่งทำให้ยากต่อการรักษาได้ วิธีง่าย ๆ ในการสังเกตความผิดปกติ คือ อาจมีของเหลวไหลออกมาจากหัวนม สีของฐานหัวนมเปลี่ยนแปลงไป มีขนงอกหรือปานใหญ่ขึ้น คลำเต้านมแล้วพบลักษณะเป็นก้อนอยู่ภายใน ฯลฯ ทั้งนี้ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจซ้ำทุก 6 เดือน เพราะอาจเป็นเนื้องอกหรือซีสต์ ซึ่งมิใช่มะเร็งเต้านมก็เป็นได้ 2.มะเร็งที่ตับกับถุงน้ำดีเนื่องจากตับเป็นอวัยวะในการกำจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย การเป็นมะเร็งที่ตับจะทำให้อายุสั้นลง และกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก สาเหตุที่พบมะเร็งตับและถุงน้ำดีบ่อยในกลุ่มคนไทย คือ การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจากเลือดและน้ำลายของผู้มีเชื้อ อันนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งตับได้ รวมถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารกึ่งดิบกึ่งสุกที่มีพยาธิบางชนิดที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถเข้าไปแพร่พันธุ์ในร่างกาย ทำให้เกิดการทำลายตับและท่อน้ำดี จึงเป็นโรคมะเร็งตามมาในที่สุด 3.มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนักโรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนักนั้น พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาท้องผูกมานานแบบเรื้อรัง เช่น ขับถ่ายอุจจาระสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รวมถึง ผู้ที่ไม่ชอบบริโภคผักผลไม้เส้นใยต่าง ๆ ทำให้มีของเสียตกค้างในลำไส้นานกว่าคนทั่วไป จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้น โดยมักตรวจพบเมื่อวัย 50 ปีหรือวัยใกล้เกษียณ โดยสถิติพบว่าเพศชายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมากกว่าเพศหญิง ดังนั้น เมื่อพบว่าตนเองมีความผิดปกติในช่องท้อง เช่น ปวดท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ อุจจาระออกมามีสีกลิ่นผิดปกติ มีเลือดสดปนออกมา ฯลฯ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจคัดกรองและวินิจฉัยแยกออกจากโรคริดสีดวงทวารหนัก มะเร็งทั้ง 3 ประเภทที่ยกตัวอย่างมา เป็นอันดับต้น ๆ ของมะเร็งที่คนไทยเป็น จึงต้องระมัดระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และหมั่นสังเกตความผิดปกติของตัวเอง ตรวจสุขภาพเป็นระยะ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม หากพบและรักษามะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้มีโอกาสหายสูง และฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เร็ว

    Comments Off on โรคมะเร็งตำแหน่งไหน ที่คนไทยเป็นกันมาก
  • เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อมีอาการท้องเสีย
    สุขภาพ

    เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อมีอาการท้องเสีย

    อาการท้องเสียถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายท้องมากเกินไปจนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว จะถึงขั้นช็อกหมดสติได้ นอกจากนี้ หากไม่รีบจัดการที่สาเหตุ เช่น การติดเชื้อโรคบางอย่าง อาจทำให้อาการยิ่งทรุดลงและมีการแพร่กระจายเชื้อลุกลาม จนมีอาการหนักขึ้นและต้องนอนโรงพยาบาลด้วย เรามาดูกันว่าเมื่อมีอาการท้องเสีย สิ่งที่คุณควรทำมีอะไรบ้าง 1.ดื่มน้ำผสมเกลือแร่การดื่มน้ำผสมเกลือแร่นั้น เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ โดยต้องใช้วิธีการจิบบ่อย ๆ ไม่ใช่ดื่มรวดเดียวทั้งแก้ว เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ดูดซึมเกลือแร่ทีละน้อย และต้องอ่านรายละเอียดการผสมตามสัดส่วนที่ระบุไว้ข้างซองซึ่งแต่ละยี่ห้ออาจต่างกันได้ 2.งดการดื่มนมและอาหารแสลงการดื่มนมจะทำให้ยิ่งท้องเสียหนักขึ้น เพราะในนมมีน้ำตาลแลคโตสที่ย่อยได้ยาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ นอกจากนี้ต้องงดอาหารแสลง เช่น อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารหมักดอง เพราะจะทำให้ลำไส้ปั่นป่วนมากขึ้น 3.ทำเมนูอาหารอ่อนเสริมชดเชยอาหารที่เหมาะกับคนที่ท้องเสีย คือ อาหารรสอ่อน เช่น โจ้ก ข้าวต้ม ซึ่งจะย่อยง่าย ที่สำคัญไม่ควรใส่พริกหรือน้ำส้ม ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นลำไส้ให้ท้องเสียหนักกว่าเดิม และต้องรับประทานครั้งละน้อย ๆ โดยแบ่งเป็น 4 ถึง 6 มื้อ เพื่อให้ลำไส้ค่อย ๆ ดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น 4.กินโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวโยเกิร์ตถือว่าเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย เนื่องจากในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมีแบคทีเรียชนิดดี ที่เรียกว่าโปรไบโอติก ช่วยในการปรับสมดุลภายในลำไส้ ทำให้ลดการบีบตัวที่มากเกินไป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายรสชาติ เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี ผลไม้รวม และมีสูตรน้ำตาลน้อย ไขมันต่ำ ให้เลือกได้ตามความชอบด้วย 5.กินน้ำขิงไล่ลมการท้องเสียมักมีอาการแน่นท้อง เนื่องจากมีลมในท้องมากขึ้น หรือที่เรียกว่าท้องอืดท้องเฟ้อ การดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ ก็จะช่วยให้อาการเหล่านี้ดียิ่งขึ้นได้ โดยจะรับประทานเป็นน้ำขิงต้มสดหรือขิงผงผสมน้ำดื่มแบบสำเร็จรูปก็ได้ 6.งดการรับประทานผักผลไม้เส้นใยสูงผักผลไม้ที่มีเส้นใยสูงเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น มีประโยชน์หากมีปัญหาท้องผูก แต่กลับเป็นโทษหากรับประทานในช่วงที่กำลังท้องเสีย จึงต้องงดก่อน เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ แก้วมังกร ฯลฯ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ควรปรึกษาเภสัชกร เพื่อแจ้งอาการที่เป็น ซึ่งบางกรณีอาจต้องใช้ยาฆ่าเชื้อในลำไส้ เช่น เกิดจากอาหารเป็นพิษมีเชื้อแบคทีเรียจากเนื้อสัตว์กึ่งดิบกึ่งสุก ทำให้ต้องรับประทานยาต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ด้วย เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

    Comments Off on เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อมีอาการท้องเสีย
  • บอกลาคอเลสเตอรอลตัวร้าย ภัยเงียบทำลายสุขภาพ
    สุขภาพ

    บอกลาคอเลสเตอรอลตัวร้าย ภัยเงียบทำลายสุขภาพ

    เพราะการไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ การใส่ใจสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ยิ่งปัจจุบันเทรนด์ดูแลสุขภาพกำลังมาแรง ทำให้หลายคนหันมาใส่ใจอาหารการกินกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต ลดบริโภคน้ำตาล หลีกเลี่ยงไขมัน รวมถึงการควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งอย่างหลังนี้นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคอเลสเตอรอลคือศัตรูตัวร้ายที่พร้อมทำลายสุขภาพได้ทุกเมื่อ คอเลสเตอรอล ภัยร้ายทำลายสุขภาพ “คอเลสเตอรอล” คือ ไขมันชนิดหนึ่งที่พบตามเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย โดยร่างกายของคนเรารับคอเลสเตอรอลหลายทาง อาทิ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร เป็นต้น โดยคอเลสเตอรอลแบ่งเป็น HDL หรือที่เรียกว่าไขมันดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อการทำงานภายในร่างกาย และ LDL หรือไขมันเลว ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพราะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ฯลฯ และเพราะคอเลสเตอรอลคือภัยร้ายทำลายสุขภาพที่ดีจึงควรใส่ใจเลือกรับประทานอาหารและบอกลาพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลสูง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต เทคนิคบอกลาคอเลสเตอรอล เน้นใยอาหาร ผัก และผลไม้ ตัวช่วยชั้นดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอล เนื่องจากใยอาหารมีส่วนช่วยดักจับน้ำดีและคอเลสเตอรอลที่ทางเดินอาหาร ก่อนถูกขับออกมาเป็นอุจจาระ ส่วนผักและผลไม้เต็มไปด้วยกากใยที่ทำหน้าที่ดูดซับไขมันในลำไส้ ทำให้ช่วยลดการสะสมคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน เพราะอาหารพลังงานสูง รวมถึงเนื้อสัตว์ติดมันมีส่วนทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อติดมัน โดยสามารถรับประทานได้ แต่ควรควบคุมปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือไม่เกิน 500-800 กรัมต่อสัปดาห์ บอกลาน้ำตาล เพราะน้ำตาลคือตัวการร้ายทำให้เกิดคอเลสเตอรอล การลดหวานจึงมีผลให้คอเลสเตอรอลลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ควรเลิกปรุงอาหารโดยใส่น้ำตาลปริมาณมาก รวมถึงไม่ควรดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ที่มีน้ำตาลปริมาณสูง อย่ากลัวหัวหอมและกระเทียม หลายคนกังวลว่าการรับประทานหัวหอมและกระเทียมจะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทั้งกลิ่นตัวและกลิ่นปาก แต่แท้จริงแล้วหัวหอมและกระเทียมมีประโยชน์มหาศาลโดยเฉพาะการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดระดับไขมัน และลดระดับน้ำตาลในเลือด จัดการความเครียด ไม่เพียงแต่อาหารเท่านั้นที่ส่งผลให้คอเลสเตอรอลสูง แต่พฤติกรรมของคนเราก็มีส่วนเช่นกัน โดยเฉพาะระดับความเครียด ใครที่รู้ตัวว่าทำงานหนัก หรือเครียดกับปัญหาต่าง ๆ มากเกินไปควรหาเวลาผ่อนคลาย เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังทำให้สุขภาพใจดีขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าการบอกลาคอเลสเตอรอลตัวร้ายจะทำได้ไม่ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นหากตั้งใจและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รับประกันได้ว่าตัวเลขคอเลสเตอรอลจะลดลงอย่างน่าพอใจ และนอกจากการลดคอเลสเตอรอลแล้ว อย่าลืมทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อติดตามตัวเลขคอเลสเตอรอลและน้ำตาลอยู่เสมอ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เป็นเจ้าของสุขภาพดี ไร้ปัญหาสุขภาพกวนใจ

    Comments Off on บอกลาคอเลสเตอรอลตัวร้าย ภัยเงียบทำลายสุขภาพ
  • อาหารที่ดีต่อสุขภาพต้องดูจากอะไรบ้าง
    สุขภาพ

    อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ต้องมีลักษณะอย่างไร

    ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งออกกำลังกายและเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาจเพราะเป็นกระแสความนิยม หรือเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ทั้งเพื่อให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์จากภายใน และป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงในระยะยาว อาหารที่ดีต่อสุขภาพต้องดูจากอะไรบ้าง ความเค็ม กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ใน 1 วัน แต่ละคนควรได้รับเกลือโซเดียมไม่เกิน 1 ช้อนชา ซึ่งเกลือโซเดียมมักจะอยู่ในเครื่องปรุงรสที่มีรสเค็ม เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา น้ำปลาร้า ซีอิ๊ว ซอสพริก ฯลฯ รวมถึงส่วนผสมที่ไม่มีรสเค็ม อย่างผงชูรสและผงฟูในขนมเค้ก คุ้กกี้และเบเกอรี่ต่าง ๆ จึงควรระมัดระวังอาหารที่มีส่วนผสมดังกล่าว ไม่รับประทานบ่อยและจำกัดปริมาณในแต่ละวันด้วย คาร์โบไฮเดรต ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งอยู่ในข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังสูตรผสมธัญพืช ขนมปังโฮลวีต รวมถึงผักผลไม้บางชนิด เช่น มันฝรั่ง มันม่วง มันเทศ ฟักทอง ลูกเดือย ข้าวโพด เผือก ฯลฯ การรับประทานอาหารกลุ่มนี้เป็นประจำจะทำให้ได้รับแป้งชนิดดีที่จะค่อย ๆ ถูกย่อยในกระเพาะและดูดซึมเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ทำให้ไม่เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูงด้วย น้ำสะอาด น้ำสะอาดสำคัญต่อกระบวนการทำงานของทุกเซลล์ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่ร่างกายต้องใช้ในการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ และใช้ผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน เพื่อช่วยให้ร่างกายคืนความอ่อนเยาว์ การดื่มน้ำให้ได้วันละ 1 ถึง 1.5 ลิตร จึงมีความจำเป็นต่อร่างกาย และหากมีการเสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย ก็ต้องดื่มชดเชยให้มากขึ้นในรูปแบบของน้ำเกลือแร่ด้วย ไขมัน ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไขมันโอเมก้า 3 6 9 ในปลาทะเลน้ำลึก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันคาโนล่า ฯลฯ เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพควรนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารบ่อย ๆ แทนน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม หนังไก่ เครื่องในสัตว์ หรือ อาหารที่มีการทอด เพราะจะมีไขมันทรานส์ที่อุดตันหลอดเลือดได้ ทั้งนี้ควรเลือกบริโภคอาหารที่ทำจากกรรมวิธีไร้น้ำมัน เช่น นึ่ง ต้ม ตุ๋น อบ ฯลฯ จะลดไขมันชนิดร้ายที่จะไปสะสมในร่างกายได้ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องพิจารณาที่องค์ประกอบของอาหาร ทุกเมนูควรมีวัตถุดิบที่ให้คุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ตามหลักการพื้นฐานโภชนาการ ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีวินัยในการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงวัยของร่างกาย ควบคุมแคลอรี่ในแต่ละมื้อให้เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ให้มากที่สุด

    Comments Off on อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ต้องมีลักษณะอย่างไร
  • รังแคมาจากไหนแก้ไขได้หรือไม่ 2019
    สุขภาพ

    รังแคมาจากไหนแก้ไขได้หรือไม่ 2019

    ปัญหารังแคเป็นสิ่งที่บั่นทอนความมั่นใจให้กับทุกคน ไม่มีใครอยากให้มีเศษสะเก็ดสีขาว ๆ ติดตามไหล่เสื้อหรือเส้นผมอย่างแน่นอน เรามาดูกันว่าปัญหารังแคเกิดจากสาเหตุอะไรบ้างและจะแก้ไขได้อย่างไร รังแคคืออะไร รังแค คือเศษผิวหนังที่หลุดร่วงออกจากหนังศีรษะที่เร็วและมีปริมาณมากกว่าปกติ มีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ แห้ง ๆ ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีการติดเชื้อร่วมด้วย แต่ก็จะทำให้ผู้เป็นรังแคเสียความมั่นใจได้ สาเหตุของรังแค 1. หนังศีรษะแห้ง มักมาจากการสระผมบ่อย หรือใช้ไดร์เป่าผมที่สร้างความร้อนสูงทำให้หนังศีรษะแห้งลอกง่าย 2. มีต่อมไขมันใต้ผิวหนังเจริญมากกว่าปกติ ทำให้มีการเติบโตของเชื้อราที่กินไขมันเป็นอาหารมากขึ้นตามมา ทำให้เซลล์ที่หนังศีรษะหลุดลอกกลายเป็นรังแคมากกว่าปกติ 3. ภาวะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลให้ต่อมไขมันมีการผลิตน้ำมันมากกว่าปกติและเกิดรังแคตามมาได้ 4. สภาพอากาศ ปัญหารังแคมักจะเกิดบ่อยในช่วงฤดูหนาว หรือผู้ที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศในสภาพอากาศที่เย็นจัด 5. ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวและหนังศีรษะ เช่น แร่ธาตุสังกะสี สารไบโอติน โอเมก้า 3 จากปลาทะเลน้ำลึก เมื่อมีปัญหารังแคเกิดขึ้นต้องจัดการอย่างไร 1. ควรใช้แชมพูสูตรขจัดรังแค มีส่วนผสมของสังกะสีในชื่อว่าซิงค์ไพริไทออน หรือสูตรขจัดรังแคด้วยซีลีเนียมซัลไฟด์ หากมีการติดเชื้อรา ซึ่งแพทย์ที่มีความชำนาญจะช่วยในการวินิจฉัยได้ จะได้รับแชมพูยาที่มีตัวยาคีโตโคนาโซลด้วย ซึ่งการใช้แชมพูเหล่านี้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดี เมื่อใช้ต่อเนื่องตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ 2. หลังการสระผมทุกครั้ง ต้องเช็ดผมให้แห้งและเป่าโดยใช้พัดลมธรรมดา ไม่ควรนอนขณะที่ผมยังเปียกชื้นอยู่เพราะจะติดเชื้อราง่าย และไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมเพราะอาจจะกระตุ้นการสร้างน้ำมันออกมาปกคลุมมากเกินไป 3. หยุดการทำลายหนังศีรษะด้วยความร้อน หรือการใช้สารเคมีในการย้อมสีผมรวมถึง งดการใช้สเปรย์ มูสหรือเจลที่มีสารเคมีหรือน้ำหอม ที่ทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองหนังศีรษะได้ 4. ใช้น้ำมันมะพร้าวสูตรสกัดเย็น หรือน้ำมันมะกอก นวดบ่อย ๆ ที่หนังศีรษะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดปริมาณรังแคได้ด้วยเทคนิคที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยแน่นอน จะเห็นได้ว่า ปัญหารังแค สามารถจัดการได้หากรู้สาเหตุ แก้ได้ตรงจุด โดยใช้เวลาในการฟื้นฟูสุขภาพหนังศีรษะอย่างเพียงพอ ที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ก็จะคลี่คลายปัญหาได้เร็ว และลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้

    Comments Off on รังแคมาจากไหนแก้ไขได้หรือไม่ 2019